24h購物| | PChome| 登入
2013-09-23 17:50:25| 人氣647| 回應0 | 上一篇 | 下一篇

龍波通覽大師的簡介

推薦 0 收藏 0 轉貼0 訂閱站台

 

龍波通覽大師的簡介

泰北烏搭拉利省

瓦踏通寺

龍波通覽大師

(2441~2548.享年107)

大師曾於瓦芒刊寺向財佛龍波艮大師習法

與龍波坤大師亦師亦友.

有神足通.

龍波坤大師曾說.

他都追不上龍波通覽大師.

人明明看在前面行腳.卻越追越遠.追不上了....

大師唸誦經咒加持佛牌時.

寺廟都會震動.跟地震一樣.

但只要停止唸經咒.地震就會停止.

再繼續唸.地又開始搖動...

因此大師所督製的佛牌.

泰國藏家號稱"地震牌"

大師一代高僧.因病住院.

在醫院圓寂時.

有虹光從醫院外融入大師法體.

在場人士都看到.

但當醫護人員拿相機及V8拍攝此現象.

卻發現所有攝影器材全部失效.

無法拍出影像.

以下是大師泰文介紹.

หลวงปู่ทองดำที่ข้าพเจ้ารู้จัก
วัดท่าทอง .วังกะพี้ .เมือง .อุตรดิตถ์
โดย นายอรรณพ แก้วปทุมทิพย์

ในสมัยเมื่อปี .. 2525 ผมเพิ่งเข้ารับราชการที่จังหวัดอุตรดิตถ์ใหม่ๆเรื่องพระเรื่องเจ้าก็ยังไม่ได้สนใจเท่าใดนัก เรียกได้ว่าเป็นนักเรียนหัวนอก เพราะอยู่เมืองนอกมานานจะด้วยเวรหรือกรรมอะไรก็ไม่ทราบได้ต้องมีอันให้ไปเป็นครูที่วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ ในสมัยนั้นจำได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆยังไม่ค่อยเจริญ ความเป็นครูโสดก็มีเวลาว่างมาก ผมมักจะตะลอนเที่ยวไปมันไปเรื่อยเปื่อย ที่สนใจมากเป็นพิเศษก็คือของเก่าเรียกได้ว่าถ้าว่างต้องไปจังหวัดสุโขทัย ไปมันเกือบทุกอาทิตย์เพราะจังหวัดอยู่ติดกัน ไปดูของเก่า ซื้อของเก่า ไม่ว่าจะเป็นถ้วย ชามต่างๆ พระพุทธรูป พระกรุ โดยเฉพาะเศษสังคโลกที่บริเวณเตาเผาเมืองเก่าศรีสัชนาลัย สมัยนั้นพวกนักขุดเขาทิ้งเศษถ้วยชามเกลื่อนไปหมด เก็บมาทุกสี นั่งดูมันทุกวันจนเพื่อนๆเขาหาว่าผมมันเพี้ยน
ผมจำได้ว่าประมาณปี 2526 ผมกับเพื่อนไปเที่ยวงานวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 3 กม.เป็นงานประจำปีของวัดตอนกลางคืนมีมหรสพคนเยอะมาก ตอนนั้นเป็นเวลาสัก 4 โมงเย็นกว่าๆเห็นจะได้ แดดก็ยังร้อนอยู่ ผมเดินเข้าไปบริเวณวัดพระยืนบาทยุคลซึ่งอยู่ติดกับวัดพระแท่นศิลาอาสน์กะว่าจะเข้าไปดูพระพุทธรูปเก่าสมัยเชียงแสนสักหน่อย บริเวณลานด้านหน้าวัดมีคนมุงกันหนาแน่น ใช่แล้วครับเขากำลังมีพิธีพุทธาภิเษกกัน ผมเองตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นพิธีกรรมนี้เลย ก็เลยเดินเข้าไปสอดรู้กับเขาด้วย สายตาของผมมองฝ่าแดดเข้าไปเห็นพระอยู่สองรูปนั่งอยู่บนตั่งสูง มีคนกางร่มขนาดใหญ่บังแดดอยู่ พระทั้งสองรูปนั่งหันหน้าประจันกัน ตรงกลางลานระหว่างพระทั้งสองคงจะเป็นกองวัตถุมงคล ผมยืนมองอยู่นานเหมือนกันภิกษุรูปหนึ่งรูปร่างผอมแห้งนั่งขัดสมาธิก้มหน้ามือของท่านกุมก้อนด้ายสายสิญจน์ทำสีหน้าเคร่งเครียดซึ่งผมมาเห็นรูปของท่านในภายหลังจึงรู้ว่าท่านคือหลวงพ่อ เกษม เขมโก นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาในสมัยนั้น อีกรูปหนึ่งนั่งสมาธิหลังงอเล็กน้อย นิ่งเหมือนก้อนหิน ครับหลวงปู่ทองดำแห่งวัดท่าทอง ตำบลวังกะพี้ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ พระที่ผมจะกล่าวถึงในตอนต่อไป
อย่างที่บอกแหละครับ การเป็นครูบ้านนอกเวลาว่างก็มากเพื่อนเขาเห็นผมหนักมาทางด้านของเก่าๆ เหล้ายาปลาปิ้งก็ไม่เอา เงินทุกบาทก็เทลงไปกับของเก่า เขาก็เลยบอกว่าถ้ามีโอกาสให้ไปหาหลวงปู่ทองดำสิ ใครได้ชานหมากของท่านนับว่าเป็นบุญยิ่งนัก ในฐานะที่เป็นคนใหม่ของจังหวัดและชักจะเริ่มบ้าพระขึ้นมาบ้างแล้วผมก็ไม่รอช้าหรอกครับ วัดท่าทองไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอเมือง แต่อยู่ที่ตำบลวังกะพี้ เส้นทางไปถึงวัดก็ใช้เวลาสัก 15 นาทีเห็นจะได้ สมัยนั้นวัดท่าทองเป็นวัดที่สงบมีต้นยางขนาด 2-3 คนโอบเยอะแยะ โบสถ์ ศาลาการเปรียญรวมทั้งกุฏิหลวงปู่มองดูค่อนข้างเก่าและทรุดโทรม รั้วทางด้านทิศเหนือก็ยังไม่มีแต่ดูภาพรวมๆแล้วได้บรรยากาศของวัดที่เรียบง่าย ไม่อึกทึก ส่วนตัวหลวงปู่เองตอนนั้นท่านอายุ 85ปีสุขภาพยังแข็งแรง คนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพในตัวท่านมาก ท่านเป็นพระของชาวบ้านอย่างแท้จริงมีงานมีการที่ไหนนิมนต์ท่านๆไม่เคยขัด ขนาดชาวบ้านมารับท่านด้วยรถอีแต๋นท่านก็ไม่เคยบ่นหรือแสดงอาการรังเกียจ กุฏิของท่านเป็นกุฏิไม้สองชั้น ท่านอยู่บนชั้นสองเป็นกุฏิขนาดใหญ่ เมื่อก้าวเข้าไปในห้องโถงของกุฏิที่หลวงปู่ใช้เป็นที่รับแขกสายตาอันซอกแซกของผมก็สำรวจทุกอย่างตามปกตินิสัยของสถาปนิก ทาง ด้านซ้ายมือของห้องโถงเป็นห้องโล่งมีประตูเปิดแง้มอยู่มองเข้าไปเห็นโลงศพไม้ขนาดเขื่องตั้งอยู่ จนบัดนี้ผมเองยังไม่เคยถามท่านสักทีว่าท่านเอาโลงศพเข้าไปตั้งไว้ในห้องนั้นทำไม แต่เท่าที่ถามพระในวัดก็ตอบว่าท่านเตรียมพร้อมเอาไว้จะได้ไม่วุ่นวาย ถัดจากห้องโถงก็จะเป็นห้องนอนของท่านซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่มีสรรพสิ่งมากมายอยู่ในห้องของท่านตั้งแต่อัฐบริขาร ธูป เทียน ที่ผู้มีจิตศรัทธามอบถวายให้ท่าน ตลอดจนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้เตรียมแจกผู้มากราบท่าน อีกทั้งยังมีโอ่งน้ำมนต์ขนาดเขื่องซึ่งท่านบอกว่าเป็นน้ำมนต์เสาร์ห้าซึ่งมักจะมีญาติโยมมาขอรดขอพรมน้ำมนต์เป็นจำนวนมากท่านก็จะตักน้ำมนต์ในโอ่งมาเป็นหัวเชื้อผสมกับน้ำในถังและอาบให้ ผมจำได้ดีว่าพระองค์แรกที่ได้รับจากมือท่านเป็นพระพิมพ์สมเด็จแป้งเจิมพิมพ์เล็กและเมื่อผมไปกราบท่านอีกในครั้งต่อมาก็ได้พระแบบต่างๆกันรวมถึงชานหมากกลับมาทุกครั้ง
เกี่ยวกับแป้งเจิมนั้น เป็นที่รู้จักกันของชาวอุตรดิตถ์ว่าถ้าใครถอยรถใหม่จะต้องไปให้หลวงปู่ท่านเจิมรถให้ ฉะนั้นแป้งที่เหลือจากการเจิมจึงมีมากเรียกได้ว่าเสกแล้วเสกอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งสะสมรวมกันอยู่ในขันทองเหลือง เมื่อมีมากท่านจึงนำมาสร้างเป็นพระพิมพ์สมเด็จมีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็กได้จำนวนไม่กี่ร้อยองค์เนื้อสีขาวอมเหลืองออกจะฟูๆไม่ค่อยแน่นตัวคล้ายๆกับพระวัดปากน้ำรุ่นแรกและปัจจุบันกลายเป็นของดีหายากไปแล้ว
ส่วนชานหมากหลวงปู่นั้น ท่านฉันหมากมาตั้งแต่ยังหนุ่มจนถึงราวปี 2536 ตอนนั้นท่านป่วยหมอที่โรงพยาบาลขอให้ท่านเลิกฉันหมากท่านก็เลยหยุดตั้งแต่นั้นมา สมัยที่ท่านฉันหมากมีคนคอยจ้องว่าท่านจะคายหมากเมื่อไหร่จะเข้าไปขอเพราะถือว่าเป็นของดีเรียกว่าชาวจังหวัดอุตรดิตถ์รู้จักชานหมากหลวงปู่มากกว่าวัตถุมงคล
ของหลวงปู่เสียอีก แม่ค้าขายหมากในตลาดเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์จะรู้เลยว่าสูตรฉันหมากของหลวงปู่เป็นอย่างไร ถ้าจะซื้อไปถวายท่าน ก็จะจัดให้โดยไม่ต้องบอกรายละเอียด
เวลาว่างตอนเย็นๆพลบค่ำ ผมมักจะไปนั่งคุยกับหลวงปู่อยู่เป็นประจำเพราะเวลานั้นญาติโยมน้อย ปกติท่านจะเป็นพระอารมณ์ดี แต่มักจะดุกับพวกเณรน้อยที่ชอบแอบทานขนม หรือไม่ชอบท่องหนังสือ ผมนั่งคุยไปก็ตำหมากไปให้ท่าน และท่านมักจะเชิญชวนให้ดื่มน้ำสมุนไพรซึ่งเป็นสูตรของท่านเองมีใบไม้อะไรก็จำไม่ได้เสียแล้วอยู่ 5 ชนิด ตากแห้งและนำมาต้ม ท่านบอกว่าเป็นยาบำรุง ผมเองเคยสังเกตบ่อยๆว่าเวลาท่านฉันหมาก หมากบางคำท่านก็จะบ้วนทิ้งลงกระโถน แต่บางคำท่านก็คายเก็บเอาไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าชานหมากที่ท่านคายทิ้งคงจะเป็นชานหมากที่ยังไม่ได้ที่ หรือยังไม่ได้ภาวนาในขณะเคี้ยว สิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดก็คือเกือบทุกครั้งที่ไปคุยกับท่านพอท่านจะคายหมากท่านจะกวักมือเรียกให้มารับหมากจากท่าน หมากอุ่นๆจากปากของท่านกระทบกับอุ้งมือของผมเป็นสิ่งที่ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ พอกลับถึงที่พักก็รีบเอาลงอัดในกรอบกระดาษแข็งสี่เหลี่ยมขนาดองค์พระย่อมๆพอแห้งแล้วก็แกะเก็บไว้
หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่าโยมปู่ของท่านเป็นผู้มีอาคม เคยเป็นทหารไปปราบฮ่อก่อนออกรบทีไรก็ต้องบริกรรมคาถาทุกครั้ง และก็ปลอดภัยกลับมาทุกครั้ง ตัวท่านเองในสมัยเด็กๆชอบชกมวยเคยชกมวยในงานวัดบ่อยๆก่อนชกก็จะบริกรรมคาถาแพ้ก็มีชนะก็มีท่านกล่าวแล้วก็หัวเราะ ตอนท่านอายุสัก 10 ขวบโยมพ่อมีโอกาสก็นำไปฝากตัวให้เป็นศิษย์หลวงปู่ทิม วัดกลาง .อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เรืองเวทย์อาคมกล้าและเป็นสหธรรมิกเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน .พิจิตร ท่านจึงมีโอกาสติดตามอาจารย์ทิมไปหาหลวงพ่อเงินอยู่บ่อยครั้ง และขากลับหลวงพ่อเงินมักจะฝากพระให้กับพระอาจารย์ทิมอยู่บ่อยๆครั้งละเป็นจำนวนเต็มบาตรพระอะไรก็ไม่รู้ เป็นดินสีแดงๆบ้าง ขาวๆบ้าง รูปร่างก็ไม่สวยท่านกล่าวเมื่อผมพยายามซัก แสดงว่าในสมัยที่หลวงพ่อเงินท่านยังมีชีวิตอยู่นอกจากจะสร้างรูปหล่อโลหะและเหรียญจอบอันเลื่องลือชื่อแล้ว ท่านยังสร้างพระพิมพ์อื่นๆอีกด้วย ผมเองเป็นคนขี้สงสัยทุกครั้งที่คุยกับท่านมักจะถามเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลของท่าน แต่ที่แปลกก็คือไม่ว่าจะถามตรงๆหรืออ้อมๆ ท่านไม่เคยตอบสักที เรียกว่าไม่เคยคุยว่าของท่านดีอย่างไรจะตอบก็เพียงว่าเขามีบุญ เขาก็ไม่เป็นอะไรหรอกหรือไม่ก็ยกประโยชน์ให้เป็นความบังเอิญที่รอดจากอันตรายมา แต่เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ท่านแจกนั้นมันหนาหูผมเหลือเกินจนเป็นความเคยชิน เรื่องอื่นๆอาจพิสูจน์ได้ยากแต่เรื่องความเหนียวนี่สิไว้ใจได้ พิสูจน์ได้เพราะเห็นมากับตา สมัยที่ท่านสร้างเหรียญและรูปหล่อรุ่นแรกปี 2529 คนเฝ้าสวนของผมเมาแล้วซ่า ถูกอันธพาลทำร้ายตีด้วยไม้และแทงซ้ำด้วยเหล็กครอสชาร์ปสะบักสะบอมกลับมา ทีแรกเจ้าตัวเองยังคิดเลยว่าสงสัยจะต้องนอนวัดแน่ๆ เจ้าตัวเปิดพุงให้ดูเห็นเป็นรอยสามแฉกทิ่มเข้าไปตรงๆแค่ห้อเลือด บวมๆแดงๆเท่านั้น แผลที่ถูกไม้ตีก็แดงช้ำเป็นปื้นๆไม่ถึงแตก เจ้าตัวคนเฝ้าสวนขี้เมาของผมห้อยเหรียญทองแดงรุ่นแรกของหลวงปู่เพียงเหรียญเดียว แถมยังยกมือไหว้ขอเงินอีก 200 บาทบอกว่าไม่เอาแล้วเหรียญทองแดง จะขยับชั้นขึ้นไปเอาเหรียญเงินมาห้อยแทน เอากับมันสิครับ
การสร้างวัตถุมงคลของท่านนั้นเท่าที่ถามจากคนเก่าๆข้างๆวัดกล่าวว่าท่านทำมานานแล้วมีหลายรุ่นทำแล้วปลุกเสกแล้วก็แจกไปเรื่อยๆจำนวนไม่แน่นอน และไม่เคยบอกบุญเอาเงินชาวบ้านเลย รุ่นที่ท่านแจกแล้วเป็นที่ยกย่องและหวงแหนที่สุดของชาวบ้านก็คือ พระพิมพ์รุ่นแผ่นดินไหว มีทั้งพิมพ์สมเด็จพิมพ์ใหญ่หลังเรียบ พิมพ์สมเด็จพิมพ์เล็กหลังเรียบ พิมพ์สมเด็จพิมพ์เล็กหลังยันต์ห้า พิมพ์พระขุนแผนห้าเหลี่ยม พิมพ์พระพุทธชินราชห้าเหลี่ยม พิมพ์พระมารวิชัยอู่ทองพิมพ์พระรอด พิมพ์พระหลวงปู่ทวด พิมพ์พระลีลาถ้ำหีบ และพิมพ์พระสมเด็จเนื้อชานหมากล้วนๆซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสมเด็จพิมพ์เล็กเล็กน้อย ซึ่งเริ่มสร้างเมื่อปลายปี 2512 ถือกันว่าเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของหลวงปู่ เป็นตัวแทนแห่งองค์หลวงปู่อย่างแท้จริง ลักษณะเป็นพระเนื้อดินเผาซึ่งเอาดินมาจากใต้ฐานพระประธานวัดเก่า วัดร้างในจังหวัดอุตรดิตถ์และใกล้เคียง 9 วัด และมีส่วนผสมของเหล็กน้ำพี้จำนวนมากขนาดแม่เหล็กดูดติดองค์พระจนรู้สึกได้ องค์พระส่วนใหญ่ทาเคลือบด้วยชแล็คแดง สีเนื้อพระมีตั้งแต่สีดำเพราะอ่อนไฟไปจนถึงสีน้ำตาลและสีแดงเพราะแก่ไฟ พระ เณรในวัดช่วยกันทำเอาใส่บาตรแล้วสุมไฟเผาจนบาตรแดงท่านกล่าวว่าขณะที่ท่านปลุกเสกพระชุดนี้อยู่ในโบสถ์ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาพอดี หลังจากท่านปลุกเสกแล้วยังได้นำพระชุดนี้เข้าร่วมในพิธีมหาพุทธาภิเษกเหรียญพระยาพิชัยดาบหักรุ่นแรกของจังหวัดเมื่อปี2513 อีกด้วยก่อนนำออกแจกจ่าย และแน่นอนที่สุดของเก๊ปัจจุบันมีออกมามากจนนักเล่นรุ่นหลังขยาดกันเป็นแถว ราคาซื้อขาย ถ้าเป็นสมเด็จพิมพ์ใหญ่ถ้าสวยๆราคาอยู่หลักหมื่นครับ ส่วนสมเด็จพิมพ์เล็กหลังยันต์ห้าอยู่ในหลักหมื่นต้นๆ สมเด็จพิมพ์เล็กหลังเรียบอยู่ในหลักพันปลายๆ ส่วนพิมพ์อื่นๆพบเห็นน้อยมากเพราะสร้างน้อยราคาเลยประเมิน

台長: 楊師兄&李師兄
人氣(647) | 回應(0)| 推薦 (0)| 收藏 (0)| 轉寄
全站分類: 社會萬象(時事、政論、公益、八卦、社會、宗教、超自然) | 個人分類: 高僧介紹 |
此分類下一篇:龍普弄大師的簡介(已圓寂)
此分類上一篇:龍波 Khew大師簡介

是 (若未登入"個人新聞台帳號"則看不到回覆唷!)
* 請輸入識別碼:
請輸入圖片中算式的結果(可能為0) 
(有*為必填)
TOP
詳全文